สนค.วิเคราะห์ผลกระทบของปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนต่อเศรษฐกิจไทยต่อ 2 ภาคเศรษฐกิจสำคัญ คือภาคการท่องเที่ยว-และภาคการส่งออก
ปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีนที่มีอิทธิพลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 29% ของ GDP จีน ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ประเมินว่ามีผลกระทบต่อ 2 ภาคเศรษฐกิจสำคัญ คือ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนมายังประเทศไทยสูงถึง 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และภาคการส่งออกที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการก่อสร้างบางรายการเท่านั้น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีนที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังรัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ไม่น้อย
โดยปัญหานี้มีต้นตอมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนส่วนใหญ่ทำธุรกิจโดยใช้วิธีกู้ยืมเงินเป็นหลัก และสร้างปริมาณโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ ด้วยเหตุนี้ในเดือนสิงหาคม 2563
ธนาคารกลางจีนจึงประกาศกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า “Three Red Lines” มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และลดการขยายตัวของหนี้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวด ซึ่งในเวลานั้นมีเพียง 6.3% ของจำนวนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ครบทุกข้อ
จึงทำให้ธุรกิจเกือบทั้งหมดไม่สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนภายในกิจการได้ ประกอบกับยอดขายที่ลดลงในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้หลายธุรกิจขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ บริษัท Evergrande ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จีน มีโครงการมากกว่า 1,300 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจจีน และเป็นธุรกิจที่มีหนี้มากที่สุดในโลก เพิ่งได้ยื่นขอล้มละลายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดยังมีข่าวบริษัท Country Garden ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของจีน มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีขนาดใหญ่จนสามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้าง มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 29% ของ GDP จีน ดังนั้นปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์จึงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2566 นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร Barclays ได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปี 2566 เหลือเติบโตเพียง 4.5% เท่านั้น
หลังจากประเมินแล้วว่าการใช้นโยบายการคลังและการเงินของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจีนไม่ค่อยเห็นผลนัก ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/66 ยังขยายตัวได้เพียง 0.8% จากไตรมาสที่ 1/66 ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของประชาชน เพราะกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรที่อยู่ในเขตเมือง นิยมสร้างความมั่งคั่งด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เพื่อการลงทุนและเก็งกำไร และเมื่อราคาที่อยู่อาศัยลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ลงทุนจึงเกิดการขาดทุนกันถ้วนหน้า
อ่านต่อได้ที่ : ฐานเศรษฐกิจ